"สามารถ" ค้าน เดินหน้าสร้าง 3 เส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง ย้ำไม่คุ้มทุน เชื่อ บ.เอกชนไม่เอาด้วย ทวงสัญญา "ประยุทธ์" 1 ปียังไม่สร้างรถไฟรางคู่ ทั้งที่รับปาก ชี้ หาก บ.เอกชนลงทุนทำ ต้องต่อยอดอสังหาฯ
วันที่ 28 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีนโยบายเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงสามสาย คือ กทม.-หัวหิน, กทม.-พัทยา และ กทม.-เชียงใหม่ ทั้งที่ทั้งสามโครงการไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะบอกว่า เอกชนจะเป็นผู้ลงทุน เพราะไม่มีเอกชนรายใดทำธุรกิจที่ขาดทุนแน่นอน จึงเชื่อว่า โครงการเหล่านี้รัฐต้องลงทุนเองไม่น้อยกว่า 80% แน่ โดยต้องดูทีโออาร์ ว่า รัฐบาลจะลงทุนอย่างไร เพราะไม่มีรายละเอียด แต่สิ่งที่แน่นอน คือ หากเอกชนลงทุนจะต้องได้กำไร คาดว่าถ้าให้เอกชนลงทุนเป็นสัดส่วนที่มาก โครงการคงไม่เกิด เพราะขาดทุน และตนไม่แน่ใจ ว่า บ.เอกชน 3-4 ราย ที่ปรากฏชื่อ จะมีความสนใจโครงการเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน
"ถ้าเจ้าสัวเหล่านี้จะสร้าง ก็ต้องมีเงื่อนไขกับรัฐบาล อาจจะมีการสร้างเมืองใหม่ เพราะมีที่ดินอยู่ในบริเวณนั้น เขาก็ต้องได้ผลประโยชน์คุ้มค่า การพัฒนาระบบโลจิสติก สามารถทำได้ ถ้าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อให้เกิดการต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ยิ่งต้องพิจารณา ว่า รัฐควรดำเนินการ หรือไม่ ใครได้ประโยชน์ แต่ในขณะนี้ต้องดู ว่า เอกชนจะทำจริงหรือไม่ เพราะเห็นมีซีพีเพียงบริษัทเดียวที่ดูข้อมูล ส่วนอื่นยังไม่เห็นมีการศึกษาเลย ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ช้าง หรือ บีทีเอส เนื่องจากผู้โดยสารจะน้อย ที่คิดว่าจะพัฒนาให้เกิดเมืองใหม่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือหากรัฐบาลจะทำเป็นโครงการเทิร์นคีย์ ปัจจุบันก็ไม่มีใครทำแล้ว เพราะต้นทุนโครงการแพงขึ้นโดยใช่เหตุ ที่จะให้เอกชนกู้เงินมาลงทุน ดอกเบี้ยแพง ต้นทุนก็แพงตาม เหมือนออกแบบไป สร้างไป ทำให้คุมงบฯ และคุมการก่อสร้างยาก จะเสียดอกเบี้ยมากกว่าการกู้เงินกับไจก้า หรือที่อื่นๆ ที่สำคัญมีมติ ครม. ให้เลี่ยงการทำเทิร์นคีย์" นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอทวงสัญญากับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยระบุว่า จะพัฒนารถไฟรางคู่ทั่วประเทศ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการก่อสร้างแม้แต่สายเดียว จึงขอให้เร่งทำเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะรัฐบาลชั่วคราวไม่ควรทำโครงการใหม่ เพราะใช้เวลานาน ทั้งที่จะทำกับจีนกับญี่ปุ่น เพราะสุดท้ายทั้งสองประเทศอาจไม่ร่วมลงทุนด้วย แต่ให้เงินกู้ฯ ซึ่งหากทำรถไฟรางคู่ จะต่อยอดการพัฒนาระบบโลจิสติกได้มากกว่ารถไฟความเร็วสูง จึงขอให้รัฐบาลทบทวน เพราะรัฐบาลมีเวลาสั้น ควรทุ่มเทกับรถไฟรางคู่มากกว่า
http://www.thairath.co.th
0 comments:
Post a Comment