สุดเวทนา!! น้องอั๋น ต้องออกจาก รร.กลางคัน เพื่อมาเลี้ยงน้องและพ่อพิการ ช้ำใจหนัก ที่แม่ยังมาทำแบบนี้อีก



วันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 38 บ้านนาขุนแสน ซอย 6 ม.4 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หลังทราบว่ามีหนุ่มน้อยวัย 16 ปี ซึ่งอีก 2 เดือน จะจบการศึกษาชั้น ม.3 แต่ต้องออกจากการเรียนกลางคัน เนื่องจากต้องมาดูแลน้องสาวพิการด้วยเส้นเลือดใหญ่ทับเส้นประสาท ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทางบ้านไม่มีเงินรักษา



 ขณะที่พ่อก็ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ โดยแยกทางกับแม่เมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้หาเลี้ยงสองชีวิตเพียงลำพัง โดยไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง ต้องอาศัยที่ดินของญาติอยู่อย่างยากลำบาก ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านปูนหลังเล็กๆ ชั้นเดียวสภาพเก่าหลังคารั่ว หน้าต่างผุพัง



 ภายในห้องเล็กๆ พบนายรพีพัฒน์ หรือ น้องอั๋น แสวงรักษ์ อายุ 16 ปี เด็กหนุ่มบุคลิกสุภาพ เรียบร้อย กำลังดูแล ด.ญ.รัศมิ์กร หรือ น้องออม แสวงรักษ์ อายุ 14 ปี ผู้เป็นน้องสาวที่สภาพร่างกายผอมแห้งจนหนังแทบติดกระดูก แขนและขาลีบ ยืนและนั่งลำบาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอนส่งเสียงอ้อแอ้ อยู่บนที่นอนเก่าๆ เป็นที่น่าเวทนามาก




 นายรพีพัฒน์ แสวงรักษ์ หรือ น้องอั๋น เผยให้ฟังว่า น้องสาวป่วยเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อตอนอายุ 3 ขวบ น้องสาวมีอาการเส้นเลือดใหญ่ไปกดทับเส้นประสาทโดยหมอยังไม่กล้าผ่าตัดให้ เพราะเห็นว่าน้องสาวยังเด็กอยู่ และเมื่ออายุพอจะผ่าตัดได้ พ่อและแม่ซึ่งฐานะยากจนไม่มีเงิน จึงจำเป็นต้องปล่อยให้น้องตกอยู่ในสภาพพิการดังกล่าว กระทั่งต่อมาพ่อกับแม่แยกทางกัน แม่ของตนเองกลับไปอยู่บ้านที่ภาคใต้ ได้นำน้องสาวไปอยู่ด้วย



 แต่ไม่นานก็นำน้องสาวมาทิ้งให้พ่อเลี้ยงดู แต่พ่อของตนต้องออกไปรับจ้างทำงานก่อสร้าง ส่งตนเองเรียนหนังสือที่โรงเรียนสวนผึ้งวิทยาคม จึงไม่มีคนคอยดูแลน้องสาว ด้วยความเป็นห่วงน้องและสงสารพ่ออย่างมาก แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือน ตนเองก็จะจบชั้น ม.3 แล้วก็ตาม แต่ตนก็จำเป็นต้องลาออกมาช่วยพ่อดูแลน้อง คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม และดูแลเรื่องการขับถ่ายของน้องสาวตลอดเวลา ตนเองก็เสียดายที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือต่อเหมือนเพื่อนๆ รวมทั้งได้เป็นนักกีฬาฟุตบอลตามความฝัน




 นายพลวัฒน์ แสวงรักษ์ อายุ 45 ปี บิดาของนายรพีพัฒน์ และ ด.ญ.รัศมิ์กร กล่าวว่า สาเหตุที่ลูกสาวต้องตกอยู่ในสภาพพิการแขนขาลีบ แม้จะอายุ 14 ปีแล้ว แต่สมองของน้องเหมือนเด็กอายุ 1 ขวบ ไม่รับรู้อะไรมาตั้งแต่อายุได้เพียง 6 เดือน สาเหตุก็มาจากอาการลมชักประกอบกับเส้นเลือดใหญ่ไปทับเส้นประสาท ตนเองพาไปหาแพทย์ที่อำเภอ ก็ไม่หาย จนอายุได้ 3 ขวบ ก็นำตัวลูกสาวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช




 แพทย์แจ้งว่าลูกสาวต้องได้รับการผ่าตัด 2 จุด ซึ่งผ่าตัดได้แล้ว 1 จุด แต่ส่วนที่เหลือนั้นแพทย์ยังไม่กล้าผ่าให้ เพราะลูกสาวยังเล็กอยู่ เสี่ยงเป็นอันตรายได้ ตนเองก็ไปรับยามารักษาลูกสาวเรื่อยๆ กระทั่งไม่มีเงินเพียงพอในการเดินทาง จนถึงขณะนี้ ลูกสาวยังไม่ได้ไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะตนเองมีปัญหาเรื่องพาหนะและค่าใช้จ่าย ประกอบกันก่อนหน้านี้ ภรรยาที่แยกทางกันไป ได้นำลูกสาวไปเลี้ยง แต่กลับหายไปทำงานที่อื่น โดยปล่อยให้ผู้เป็นยายเลี้ยงแทน จนเลี้ยงไม่ได้ ทิ้งให้ผู้เป็นลุงนำตัวลูกสาวมาส่งให้ตนเองดูแล



 ตนเองซึ่งป่วยเป็นโรคเก๊าท์มีอาการกำเริบอยู่เป็นประจำ แต่ก็พยายามออกไปรับจ้างทำงานก่อสร้าง เพื่อหาเงินมาส่งเสียลูกชายคนโตเรียนหนังสือ รวมทั้งหาเงินเพื่อสร้างบ้านอยู่เป็นของตัวเอง แทนที่จะอาศัยที่ดินของญาติ จึงไม่สามารถอยู่คอยดูแลลูกสาวได้ แม้จะสงสารลูกชาย ที่กำลังจะจบ ม.3 อีกเพียงไม่ถึง 2 เดือน ก็จำใจต้องให้ออกมาดูแลลูกสาวแทน ซึ่งก็โชคดีที่ลูกชายเป็นเด็กดี ไม่เกเร เขาเต็มใจจะมาดูแลน้องสาว




 อย่างไรก็ตาม ตนเองยังหวังที่จะให้ลูกสาวได้รับการรักษา เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้มากกว่านี้ รวมทั้งห่วงอนาคตของลูกชายที่หยุดอนาคตไว้ไม่ได้เรียนหนังสือ ขณะที่ตนเองก็อายุมากขึ้นทุกวัน ความรู้ก็น้อยต้องใช้แรงงานรับจ้างเรื่อยไป แม้ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ลูกสาวจะได้รับเงินเบี้ยพิการจาก อบต.สวนผึ้ง เดือนละ 800 บาท แต่ก็ไม่เพียงพอ หากผู้มีจิตเมตตาอยากจะช่วยเหลือครอบครัวของน้องออมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร.09-2871-6084 หรือโอนเงินเข้าบัญชีชื่อ นายพลวัฒน์ แสวงรักษ์ เพื่อ ด.ญ.รัศมิ์กร แสวงรักษ์ เลขที่บัญชี 729-0-29576-5 ธนาคารกรุงไทย สาขาสวนผึ้ง



ที่มา: http://www.bigza.com/news-177811



0 comments:

Post a Comment