เมื่อเวลา 18.00 น. (24 ส.ค.) พ.ต.อ.อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน ผกก.สภ.เมือง นครพนม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเหตุรถยนต์ทับคนตาย ที่บ้านโพนสวรรค์ หมู่ 18 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.ศิริพงษ์ รังสูงเนิน ร้อยเวร สภ.เมืองนครพนม ประสานงานร่วมกับ เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจ แพทย์เวรโรงพยาบาลนครพนม และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และชันสูตรศพผู้ตาย
โดยในที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ พบรถยนต์เก๋งอยู่ในสภาพถอยหลังชนกำแพงอิฐบล็อกหน้าบ้านพังเสียหาย กว้างกว่า 3 เมตร ทะลุไปชนกำแพงอีกฟากของถนนซอยหน้าบ้าน ห่างจากที่จอดรถหน้าบ้านประมาณ 10 เมตร ใกล้ล้อหลังขวาพบศพผู้ตายนอนถูกรถทับอัดซากกำแพง เลือดไหลโชกบริเวณศีรษะนองเต็มพื้น ทราบชื่อภายหลัง คือ นายสุรศักดิ์ อายุ 42 ปี
ส่วนคนขับรถเก๋งดังกล่าว คือภรรยาผู้ตาย ยังยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ในสภาพอาการตกใจและทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบชื่อคือ นางสาวจุฑารัตน์ อายุ 28 ปี
เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบเก็บหลักฐานใน ที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียดดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสภาพศพผู้ตายมีบาดแผลจากการถูกกระแทกบริเวณศีรษะ
โดยจากการสอบสวน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการบอกเล่าของภรรยาผู้ตาย ทราบว่า แต่งงานอยู่กินกับสามีมาประมาณ 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ก่อนหน้านี้สามีเดินทางไปทำงานประเทศเกาหลี ประมาณ 3 ปี และกลับมาเยี่ยมบ้านได้ยังไม่ถึงเดือน จึงนำเงินที่สะสมได้ส่วนหนึ่งไปซื้อรถเก๋งเพื่อเป็นของขวัญให้ภรรยา เนื่องจากไม่มีรถใช้ในครอบครัว โดยเป็นรถยนต์เก๋งมือสอง
ช่วงบ่าย ทางบริษัทผู้ขายรถ ได้นำรถมาส่งที่บ้าน จึงชวนกันไปฝึกหัดขับรถให้เกิดความชำนาญ ขณะจะออกจากบ้านทางผู้ตายได้ให้ภรรยาเป็นคนขับ แต่ภรรยายังไม่คุ้นกับรถเก๋งระบบเกียร์ออโต้ เคยฝึกขับแต่รถยนต์เกียร์ธรรมดาและยังไม่ชำนาญ
จังหวะที่ ภรรยาขับถอยหลังออกจากลานจอดรถหน้าบ้าน ทางสามีจึงอาสายืนโบกบอกทางด้านหลัง ฝ่ายภรรยาเกิดอาการตกใจเพราะไม่ชำนาญ จึงเหยียบเบรกหยุดรถ แล้วพลาดไปเหยียบคันเร่งเพราะคิดว่าเป็นเบรก ทำให้รถเก๋งพุ่งชนสามีที่ยืนด้านหลังรถไปกระแทกกำแพงหน้าบ้านอย่างแรง จนทะลุไปอัดกับกำแพงอีกชั้นริมถนนหน้าบ้าน
เป็นเหตุให้ล้อ หลังขวาของรถเก๋งทับกระแทกผู้ตายเข้ากับซากกำแพง จนรถหมดแรงพุ่งจอดสนิทเพราะติดเสากำแพง และภรรยาลงมาจากรถพบว่าชนสามี แต่ไม่สามารถจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางความสลดหดหู่ของครอบครัวและญาติพี่น้อง ซึ่งทางตำรวจจะได้ทำการเก็บหลักฐานตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา: http://www.bigza.com/news-177537
0 comments:
Post a Comment