เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ความคืบหน้าในการไล่ล่าฆาตกรผุ้ก่อเหตุ วางระเบิดท้าวพระพรหม แยกราชประสงค์ พบว่าชุดสืบสวนพุ่งเป้า ไปที่ผุ้ต้องสงสัยที่เป็นชาวต่างชาติคล้ายแขกขาว ผมฟูหยิกเพียงคนเดียว ก่อนจะได้ข้อมูล จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคว่า มีกล้องวงจรปิดตัวหนึ่ง จับภาพผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้ โดยได้นั่งรถสามล้อเครื่อง(รถตุ๊กตุ๊ก) มาจากแยกศาลาแดง วิ่งผ่านแยกราชประสงค์ ก่อนจะกลับรถบริเวณมาจอดที่หน้าโรงแรมแกรนด์ไฮเอทเอราวัณ ใกล้เคียงกับศาลพระพรหม จากนั้นได้จ่ายเงิน พร้อมกับลงจากรถเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างศาลท้าวมหาพรหม ก่อนจะวางเป้สะพายหลังไว้ใต้เก้าอี้ และทำทีเล่นโทรศัพท์มือถือ อึดใจเดียวก็ลุกจากเก้าอี้ และเดินไปขึ้นรถสามล้อเครื่องคันเดิม ที่ยังจอดอยู่ใกล้เคียงศาลท้าวมหาพรหม จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไป ซึ่งได้ส่งชุดเคลื่อนที่เร็วควานหาตัวโชเฟอร์รายนี้แล้ว เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ
ขณะเดียวกันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน การข่าวความมั่นคงได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าอาจจะมีการก่อการร้ายขึ้น จึงวิทยุให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการป้องกันตามสถานฑูตให้มากขึ้น
นอก จากนี้ชุดคลี่คลายคดี ยังได้นำคดีสำคัญเก่าๆมาเปรียบเทียบหาเบาะแสเพิ่มด้วย อาทิ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2537 ตำรวจ สน.ลุมพินี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 71-7888 กรุงเทพมหานคร ชน จยย.ยามาฮ่า ทีแซดอาร์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มี นายบุญเสริม แสนดี เป็นเจ้าของ ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับห้างเซ็นทรัลชิดลม ขณะที่ นายบุญเสริม ให้การในตอนนั้นว่า คนขับเป็นแขกอาหรับ พอชนเสร็จก็ควักเงินดอลลาร์ให้ แล้วก็รีบหนีไปทันที ตนแปลกใจในพฤติกรรมจึงรีบแจ้งเกรงว่าอาจเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา พอค้นดูก็พบว่ามีระเบิดบรรจุอยู่ในแท้งค์น้ำเหล็ก ลักษณะเป็นปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต คลุกเคล้ากับน้ำมันโซลาจนเต็มแท้งค์
ต่อ มาพอเจ้าหน้าที่สรรพาวุธตักแอมโมเนียมฯดังกล่าวออก ทำให้พบวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์บรรจุในขวดน้ำอัดลมขนาด 2 ลิตร ขนาด 2 ปอนด์ จำนวน 2 ลูก ภายในมีเชื้อปะทุไฟฟ้า 10 ดอก และยังพบดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1 ส่วน 4 ปอนด์อีก 5 ลูก มีเชื้อปะทุภายในรวม 6 ดอก รัศมีทำลายล้าง 7 กม. อีกทั้งยังพบหลักฐานสำคัญ คือ การพบศพนายชม ทิหล้า อายุ 43 ปี คนขับรถของบริษัท ธรรมวุฒิการขนส่ง จำกัด ที่ถูกบีบคอฆ่าและห่อปิดบังด้วยพลาสติก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 4-5 วัน โดยคาดว่า รถบรรทุกระเบิดน่าจะมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสำคัญแห่งใดแห่งหนึ่ง
ที่มา: http://www.bigza.com/news-177227
0 comments:
Post a Comment