ผ่านไปเพียง 24 ชั่วโมงหลังเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ แต่เกิดทฤษฎีมากมายขึ้นเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะสำนักข่าวต่างประเทศที่วิเคราะห์ไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน นั่นก็คือเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นการก่อการร้ายจากกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ
โจนาธาน มาร์คัส ผู้สื่อข่าวสายทหารและการทูตจากสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ที่เป็นคนแรกๆที่ออกมาวิเคราะห์ถึงผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ มาร์คัสมองว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ไม่น่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะกรุงเทพฯไม่เคยเป็นเป้าการก่อเหตุของกลุ่มนี้ และนักท่องเที่ยวก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ ขณะที่กลุ่มการเมืองภายในประเทศก็ไม่น่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ที่ผ่านมามีลักษณะเป็นการสร้างสถานการณ์ ไม่หวังผลให้มีผู้เสียชีวิต
เพราะฉะนั้น ความเป็นไปได้ก็คือเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ เช่นกลุ่ม IS แต่ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย มีความเชื่อมโยงกับ IS
อีกกลุ่มหนึ่งที่อาจอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ก็คือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอุยกูร์ แต่มาร์คัสก็ยอมรับว่าเป็นไปได้ยากที่กลุ่มอุยกูร์จะอยู่เบื้องหลังเรื่อง นี้ แม้ว่าจะมีเหตุจูงใจอยู่ที่การที่รัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์กว่า 100 คนกลับจีนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากชาวอุยกูร์ไม่เคยก่อเหตุนอกประเทศจีนในสเกลใหญ่ขนาดนี้
จากเหตุผลดังกล่าว หากว่าการก่อการร้ายครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็น IS หรืออุยกูร์จริง ก็จะถือว่าเป็นหมุดหมายครั้งใหม่ของวงการก่อการร้าย นั่นก็คือมีการขยายขอบเขตการปฏิบัติการจากพื้นที่เดิมของกลุ่มมาสู่พื้นที่ ที่เชื่อกันว่าปลอดภัย ซึ่งเป็นการยกระดับการสร้างความหวาดกลัวขึ้นไปอีกขั้น
แต่มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมีแรงจูงใจเพียงพอหรือไม่ ที่กลุ่ม IS หรืออุยกูร์จะก่อเหตุในประเทศไทย ก่อนอื่นมาดูแพทเทิร์นการก่อเหตุของแต่ละกลุ่มก่อนว่าใกล้เคียงกับเหตุ ระเบิดที่ราชประสงค์มากน้อยเพียงใด
สำหรับกลุ่มอุยกูร์ การก่อเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศจีน และแทบทั้งหมดเกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ การก่อเหตุก็มักเป็นการเตรียมการเพียงไม่กี่คน ไม่มีความซับซ้อน และไม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้มีดไล่แทง หรือใช้ระเบิดขนาดไม่ใหญ่นัก ไปจนถึงการปล้นรถและขับพุ่งชนคนเดินถนน เช่นเหตุระเบิดและไล่แทงคนในเมืองคาชการ์เมื่อปี 2011 และเหตุไล่แทงคนที่สถานีรถไฟคุนหมิง
ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ หากจะบอกว่าเป็นการแก้แค้นเพียงอย่างเดียว ก็ดูจะมีน้ำหนักไม่เพียงพอ เพราะจุดมุ่งหมายของกลุ่มก่อควาไม่สงบชาวอุยกูร์ คือการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเองและเสรีภาพทางศาสนา รวมถึงแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลจีน ไม่จำเป็นต้องเข้ามาก่อเหตุในไทยเพียงเพราะไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
ความเป็นไปได้ประการที่สอง คือกลุ่ม IS ดูจะเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจาก IS มีรูปแบบการก่อเหตุในลักษณะนี้ชัดเจน นั่นก็คือการวางระเบิดคาร์บอมบ์ หรือใช้เสื้อกั๊กระเบิดพลีชีพ มักพุ่งเป้าการก่อเหตุไปที่ศาสนสถาน ในเวลาที่มีคนไปชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นที่เกิดในหลายประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา อย่างเหตุระเบิดมัสยิดที่ซาอุดีอาระเบีย เยเมน และคูเวตเมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา ระเบิดและการวางแผนก่อการร้ายมีลักษณะเป็นมืออาชีพ มีการวางแผนอย่างรัดกุม แรงจูงใจในการก่อเหตุอาจจะไม่ชัดเจนในขณะนี้ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า IS พยายามแพร่ขยายอิทธิพลในหมู่ชาวมุสลิมหัวสุดโต่งในอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากนี่เป็นฝีมือของ IS จริง ก็จะต้องมีการออกมาแสดงความรับผิดชอบ อ้างผลงาน ภายใน 24 ชั่วโมงหลังก่อเหตุ ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือนี่อาจจะไม่ใช่ฝีมือของ IS โดยตรง แต่เป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่สนับสนุนหรือสวามิภักดิ์ต่อ IS และกระทำการในลักษณะฉายเดี่ยว จึงทำให้รอดจากการตรวจจับเฝ้าระวังของทางการได้ง่าย
0 comments:
Post a Comment