ยองมี ได้เล่าเรื่องราวอันน่าเศร้าเกี่ยวกับประเทศบ้านเกิด และชีวิตตัวเอง ในคลิปความยาวกว่า 8 นาที ดังนี้
"เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่คุณคาดไม่ถึง มีทีวีช่องเดียว ไม่มีอินเทอร์เน็ต เราไม่มีอิสระในการร้องเพลง พูด สวมใส่เสื้อผ้า หรือคิดในสิ่งที่เราต้องการ"
"เกาหลีเหนือเป็นประเทศเดียวที่ประหารประชาชนที่ใช้โทรศัพท์โทรไปต่างประเทศ"
"ในตอนที่ฉันโตขึ้นมาที่นั่น ฉันไม่เคยเห็นเรื่องราวความรักระหว่างชายและหญิง ไม่มีหนังสือ ไม่มีเพลง ไม่มีสื่อ ไม่มีหนังเกี่ยวกับความรัก ไม่มีโรมิโอ แอนด์ จูเลียต"
"ทุกๆ เรื่องล้วนแล้วแต่เป็นโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อยกย่องท่านผู้นำคิม ฉันเกิดเมื่อปี 1993 และไม่เคยพบกับอิสระภาพและสิทธิมนุษยชน ชาวเกาหลีเหนือกำลังมองหาและตายเพื่ออิสระภาพอยู่ในตอนนี้"
"ตอนฉันอายุ 9 ขวบ ฉันเห็นเพื่อนของแม่ถูกประหารกลางที่สาธารณะ ในข้อหาดูภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด"
"ถ้าหากสงสัยเกี่ยวกับความโหดร้ายในการปกครอง คุณจะโดนคุมขังหรือประหาร 3 ชั่วโคตร"
"เมื่อตอนฉันอายุ 4 ขวบ ฉันถูกแม่เตือนไม่ให้กระซิบ ถึงนกหรือหนูจะไม่สามารถได้ยินฉัน แต่ฉันคิดว่าท่านผู้นำาสามารถอ่านใจฉันได้"
"พ่อของฉันตายในจีน หลังจากที่เราหนีมาจากเกาหลีเหนือเมื่อฉันอายุ 14 ฉันไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะกลัวจะถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือ วันที่พวกเราหนีออกมา ฉันเห็นแม่ของฉันถูกข่มขืนโดยคนจีน และเขาก็จ้องเล่นงานฉันตอนฉันอายุ 13″
"มีคำกล่าวในเกาหลีเหนือที่ว่า ‘ผู้หญิงอ่อนแอ แต่คนเป็นแม่จะเข้มแข็ง' แม่ของฉันยอมถูกข่มขืนเพื่อปกป้องฉัน"
"ชาวเกาหลีเหนือผู้อพยพกว่า 3 แสนคน อยู่อย่างสิ้นหวังในจีน 70% เด็กสาวชาวเกาหลีเหนือกำลังเป็นเหยื่อ และถูกขายในราคา 200 เหรียญ"
"พวกเราเดินข้ามทะเลทรายโกบี เดินไปตามเข็มทิศจนมันใช้การไม่ได้ เราตามดวงดาวบนฟ้าเพื่อความเป็นอิสระ ฉันรู้สึกว่า มีแต่ดวงดาวเท่านั้นที่อยู่กับเรา"
"มองโกเลียเป็นเหมือนเสรีภาพของเรา ตายหรืออยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เราพร้อมจะฆ่าตัวตายถ้าถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดอีก เราต้องการอยู่อย่างมนุษย์"
"มีผู้คนถามฉันบ่อยๆ ว่า เราจะช่วยชาวเกาหลีเหนือได้อย่างไร? ฉันคิดว่ามี 3 หนทาง"
"ข้อหนึ่ง เรียนรู้ด้วยตัวเอง และคุณจะรับรู้ได้ถึงวิกฤตสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ"
"ช่วยเหลือคนอพยพชาวเกาหลีเหนือ ที่พยายามหนีเพื่ออิสระภาพ"
"ร้องขอให้จีน หยุดส่งตัวผู้อพยพกลับไป เราต้องการให้รัฐบาลทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อประเทศจีนให้หยุดการส่งกลับ"
"ไม่ควรมีมนุษย์คนไหนสมควรถูกกดขี่ในบ้านเกิดของตนเอง"
ที่มา. http://www.bigza.com/news-175940
0 comments:
Post a Comment